top of page

รู้ทัน กฎหมาย PDPA คลินิกต้องทำอย่างไร ไม่ให้ละเมิดสิทธิ์ข้อมูลผู้ป่วย?

อัปเดตเมื่อ 11 มี.ค.


PDPA

กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA (Personal Data Protection Act, พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562) เป็นกฎหมายสำคัญที่คลินิกทุกแห่งต้องปฏิบัติตาม เนื่องจากคลินิกมีการเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) เช่น ประวัติการรักษา ข้อมูลสุขภาพ และข้อมูลทางการแพทย์ ซึ่งหากมีการละเมิดกฎหมาย อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง

ดังนั้น คลินิกควรมีมาตรการที่เข้มงวดในการจัดการข้อมูลผู้ป่วยให้สอดคล้องกับ PDPA เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ




การปฏิบัติตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

ในคลินิกต้องคำนึงถึงหลักการสำคัญเกี่ยวกับการจัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของผู้ป่วยและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและป้องกันการละเมิดสิทธิ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล


การปฏิบัติตาม  PDPA

 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

  • ขอความยินยอม (Consent)

คลินิกต้องขอความยินยอมจากผู้ป่วยก่อนเก็บข้อมูล ยกเว้นในกรณีที่กฎหมายอนุญาต เช่น เพื่อการรักษาพยาบาล หรือเหตุผลด้านสาธารณสุข


  • กำหนดวัตถุประสงค์ (Purpose Specification)

แจ้งให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลให้ชัดเจน และไม่สามารถใช้ข้อมูลนอกเหนือจากที่แจ้งไว้


  • เก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็น (Data Minimization)

หลีกเลี่ยงการเก็บข้อมูลที่ไม่จำเป็น เช่น หมายเลขบัตรประชาชน ควรเก็บเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเท่านั้น


2 การใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  • ใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้กับผู้ป่วย

ห้ามนำข้อมูลไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอม

  • รักษาความลับของข้อมูล

จำกัดการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาต

การเปิดเผยข้อมูลให้บุคคลที่สาม: ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน เว้นแต่มีเหตุจำเป็น เช่น ตามกฎหมายหรือเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์


 3 การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

  • ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย (Security Measures)

เช่น การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) และการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง (Access Control)

  • ป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ใช้ระบบยืนยันตัวตน (Authentication) เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบ

สำรองข้อมูลและป้องกันการสูญหาย

  • จัดให้มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และป้องกันการสูญหายของข้อมูล


4 สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ป่วยมีสิทธิในการเข้าถึงและจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง เช่น:

  • สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (Right to Access): ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่คลินิกจัดเก็บ

  • สิทธิขอแก้ไขข้อมูล (Right to Rectification): ขอแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นปัจจุบัน

  • สิทธิขอให้ลบข้อมูล (Right to Erasure): ขอให้ลบข้อมูลที่ไม่จำเป็นต่อการรักษา

  • สิทธิในการคัดค้านการใช้ข้อมูล (Right to Object): สามารถคัดค้านการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ในบางกรณี


 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง


กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ PDPA  ในคลินิก

นอกจาก พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) คลินิกยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่:

  •  พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ. 2541

กำหนดให้คลินิกต้องรักษาข้อมูลของผู้ป่วยเป็นความลับ และต้องไม่เปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับความยินยอม

ต้องเก็บข้อมูลเวชระเบียนผู้ป่วย ไม่น้อยกว่า 5 ปี ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข


  • พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544

กำหนดมาตรฐานในการเก็บรักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (EMR)

ต้องมีมาตรการสำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูลในกรณีฉุกเฉิน


  •  พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560

ห้ามเข้าถึงหรือเปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต

กำหนดโทษสำหรับการเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบ เช่น จำคุกสูงสุด 2 ปี หรือปรับสูงสุด 40,000 บาท


  • มาตรการที่คลินิกควรดำเนินการ

เพื่อให้เป็นไปตาม PDPA คลินิกควรดำเนินการดังนี้

นโยบายและแนวปฏิบัติ

  •  ติดป้ายแจ้งเกี่ยวกับ PDPA ที่จุดรับบริการให้ผู้ป่วยรับทราบ

  •  จัดทำ แบบฟอร์มขอความยินยอม (Consent Form) ให้ผู้ป่วยลงนามก่อนการรักษา

  •  ใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย เช่น โปรแกรมคลินิกที่รองรับ PDPA

  •  กำหนดนโยบายการใช้ข้อมูล และแจ้งให้พนักงานปฏิบัติตาม


การอบรมบุคลากร

  •  อบรมพนักงานเกี่ยวกับ PDPA และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง

  •  กำหนดบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลผู้ป่วย


 การรับมือกรณีข้อมูลรั่วไหล

  • มีแผนรับมือเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล และช่องทางแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  •  แจ้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมง

  •  แจ้งเจ้าของข้อมูลหากมีความเสี่ยงสูงที่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล


บทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA


โทษของการทำไม่ทำตาม PDPA ในคลินิก

หากคลินิกไม่ปฏิบัติตาม PDPA อาจมีบทลงโทษดังนี้

  • โทษทางปกครอง : ปรับสูงสุด 5 ล้านบาท

  • โทษทางแพ่ง : ชดใช้ค่าเสียหายตามที่ศาลกำหนด

  • โทษทางอาญา : จำคุกสูงสุด 1 ปี หรือปรับสูงสุด 1 ล้านบาท (ในกรณีร้ายแรง)


สรุป

การปฏิบัติตาม PDPA ในคลินิกเป็นสิ่งสำคัญเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วย ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับบริการ คลินิกควรมี นโยบายที่ชัดเจน อบรมพนักงาน และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย



Comments


093-4241559

Clinic Deccor

Clinicdeccor

@clinicdeccor

บริการทั้งหมด

สินค้า

ติดต่อสอบถาม

CLINICDECCOR

สำรวจพื้นที่ให้คำปรึกษา

ออกแบบคลินิก

ตกแต่งคลินิก

ขอใบอนุญาตคลินิก

ออกแบบโลโก้

ผลิตสื่อโซเชียลมีเดีย

เตียงทรีทเม้นท์
เฟอร์นิเจอร์
เครื่องมือแพทย์ความงาม
โคมไฟคลินิก
อุปกรณ์ตกแต่งคลินิก

แจ้งปัญหา
ปรึกษาปัญหา
ประเมินราคาเบื้องต้น
ขั้นตอนการทำงาน

633/1 ถ.สาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา  กรุงเทพมหานคร 10120

Brand
Logo Clinic Pro
Logo Decco
QR Code

Copyright © 2020 clinicdeccor.com All Rights Reserved

bottom of page