top of page

ภาษีคลินิกรักษาสัตว์ ที่เจ้าของกิจการควรรู้

อัปเดตเมื่อ 8 ม.ค.

เจาะลึกภาษีเงินได้

ภาษีคลินิกรักษาสัตว์ ที่เจ้าของกิจการควรรู้ มีอะไรบ้าง? ยุ่งยากไหม?

การเปิดคลินิกรักษาสัตว์เป็นธุรกิจที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้อง และไม่มีปัญหากับหน่วยงานภาครัฐ โดยกิจการโรงพยาบาลสัตว์ถูกจัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 ตาม มาตรา 40 (8) ของประมวลรัษฎากร ซึ่งครอบคลุมถึงรายได้จากธุรกิจหรือการพาณิชย์ในลักษณะอื่น ๆ


1. ลักษณะของเงินได้ตามมาตรา 40 (8)


ลักษณะภาษีเงินได้

เงินได้ตามมาตรา 40 (8) เป็นเงินที่ได้จากธุรกิจการพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง นักร้องนักแสดง โรงแรม ภัตรคาร ฯลฯ รวมถึงธุรกิจคลินิกรักษาสัตว์ ซึ่งเงินได้มาจากรายได้จากค่ารักษาพยาบาลสัตว์

ค่าบริการต่าง ๆ เช่น ค่าฝากสัตว์เลี้ยง ค่าผ่าตัด หรือค่าตรวจสุขภาพ รายได้จากการขายสินค้า เช่น อาหารสัตว์ หรือเวชภัณฑ์


2. การนำส่งภาษีเงินได้


การนำส่งภาษี

2.1 สำหรับบุคคลธรรมดา

หากกิจการจดทะเบียนในนามบุคคลธรรมดา เจ้าของต้องยื่นภาษีดังนี้:

ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 (สำหรับรายได้ทั้งปี) หรือ ภ.ง.ด.94 (สำหรับรายได้ครึ่งปี)

เลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธี:

หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา: 60% ของรายได้

หักค่าใช้จ่ายตามจริง: ต้องมีหลักฐานประกอบ

คำนวณภาษีจากฐานรายได้สุทธิตามอัตราก้าวหน้า (5%-35%)


2.2 สำหรับนิติบุคคล

หากกิจการจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด:

ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 (รายปี) และ ภ.ง.ด.51 (ครึ่งปี)

เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 20% ของกำไรสุทธิ

รายได้ที่ไม่เกิน 300,000 บาท อาจได้รับการยกเว้นหรือลดอัตราภาษี ตามนโยบายรัฐ


3. ภาษีที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม


การยื่นภาษี

3.1 ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

หากรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

เรียกเก็บ VAT 7% จากลูกค้า และยื่นภาษีรายเดือน (แบบ ภ.พ.30)

สามารถหัก ภาษีซื้อ (VAT จากค่าใช้จ่าย) ออกจาก ภาษีขาย ได้

3.2 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

หากคลินิกจ่ายค่าบริการหรือค่าจ้างพิเศษ เช่น ค่าจ้างบุคลากรภายนอก ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายก่อนจ่ายเงิน เช่น:

ค่าจ้างบุคคลธรรมดา: หัก 3%

ค่าบริการของบริษัท: หัก 3%

3.3 ภาษีป้าย

สำหรับป้ายชื่อหรือป้ายโฆษณาของคลินิก ต้องเสียภาษีป้ายตามขนาดและเนื้อหา ซึ่งคิดตามหลักเกณฑ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

3.4 ประกันสังคม (กรณีมีลูกจ้าง)

หากมีลูกจ้าง ต้องนำส่งเงินสมทบประกันสังคมในอัตรา 5% ของเงินเดือน โดยแบ่งจ่ายระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง


4. การยื่นภาษี

บุคคลธรรมดา: ยื่นภาษีประจำปีภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป

นิติบุคคล: ยื่นภาษีภายใน 150 วันหลังจากสิ้นรอบบัญชี

ยื่นผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร (e-Filing) เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว

 

 

5. ข้อแนะนำในการบริหารจัดการภาษี

จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างเป็นระบบ: ช่วยตรวจสอบและคำนวณภาษีได้ถูกต้อง

เก็บเอกสารการเงินและใบเสร็จ: ใช้ประกอบการยื่นภาษีและลดหย่อนภาษี

ปรึกษานักบัญชี: เพื่อช่วยจัดการภาษีอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันความผิดพลาด

ติดตามกฎหมายและสิทธิประโยชน์ทางภาษี: เช่น การลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

.

การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษีอย่างครบถ้วน ไม่เพียงแต่ช่วยให้กิจการโรงพยาบาลสัตว์ดำเนินงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกตรวจสอบภาษีในอนาคตอีกด้วย



 

Kommentarer


bottom of page